บริการ
บริการของเรา
ระพีพรรณคลินิก เข้าใจความต่างของผู้หญิงทุกช่วงวัย และตระหนักถึงความต้องการของผู้หญิงที่อยากมีสุขภาพดี จึงพร้อมให้บริการดูแลคุณสุภาพสตรีทุกวัยอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจสุขภาพ ไปจนถึงการวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาโรคของสตรี การฝากครรภ์และการคลอด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทีมพยาบาลวิชาชีพ ทีมผู้ชวยพยาบาลพร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ในบรรยากาศที่กว้างสบายและเป็นส่วนตัว
01.
การดูแลก่อนคลอด
และการคลอด
02.
การตรวจมะเร็งปากมดลูกและเอชพีวี
03.
โคลโปสโคป
04.
การจัดการการคุมกำเนิด
05.
ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
06.
สูติศาสตร์
อัตร้าซาวด์ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ
07.
อัลตร้าซาวด์
ช่องท้อง
08.
ตรวจสุขภาพ
ผู้หญิง
การผ่าตัดมดลูก
การผ่าตัดมดลูก คือ การตัดมดลูกออกทั้งหมดซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยไม่มีประจำเดือนอีกต่อไปและไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก
เพราะเหตุใดจึงต้องมีการผ่าตัดมดลูก
การผ่าตัดมดลูกมีจุดประสงค์เพื่อรักษาอาการและภาวะดังต่อไปนี้
- อาการเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกซึ่งไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆ
- เนื้องอกมดลูก
- ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ซึ่งมีอาการร้ายแรง
- พังผืดในมดลูก
- อาการเจ็บในอุ้งเชิงกรานซึ่งเกี่ยวข้องกับมดลูกและไม่อาจรักษาได้โดยวิธีอื่นๆ
- ภาวะมดลูกหย่อนเป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ หรือถ่ายอุจจาระลำบาก
- มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งที่เกี่ยวกับมดลูก
- ความผิดปกติขณะคลอด (อาทิ ภาวะเลือดไหลไม่หยุด)
- เนื้องอกของมดลูกขนาดใหญ่หรือจำนวนมากจนกล้ามเนื้อมดลูกเสียไป ไม่สามารถผ่าตัดตกแต่งซ่อมแซมได้
วิธีการผ่าตัดมดลูก
การผ่าตัดมดลูกมี 4 วิธีด้วยกัน ซึ่งการจะเลือกใช้วิธีใดนั้น แพทย์จะพิจารณาจากสภาวะของผู้ป่วยและความร้ายแรงของโรคที่เป็น ทั้งนี้วิธีการผ่าตัดทั้ง 4 สามารถเรียงลำดับตามความนิยมและผลกระทบต่อผู้ป่วย อาทิ รอยแผล และระยะเวลาในการพักฟื้น ได้ดังนี้
- การผ่าตัดมดลูกทางช่องคลอด (Vaginal Hysterectomy)
- การผ่าตัดมดลูกโดยใช้กล้องส่องช่องท้อง (Laparoscopic Hysterectomy)
- การผ่าตัดมดลูกผ่านผนังหน้าท้องแบบแผลเล็ก (Minilaparotomy Hysterectomy)
- การผ่าตัดมดลูกผ่านหน้าท้องแบบปกติ (Abdominal Hysterectomy)
ที่รพ.เกาะสมุยบริการการผ่าตัดมดลูก แบบการผ่าตัดมดลูกผ่านหน้าท้องแบบปกติ (Abdominal Hysterectomy) และ การผ่าตัดมดลูกทางช่องคลอด (Vaginal Hysterectomy)สำหรับในรายมดลูกหย่อนเท่านั้น
การผ่าตัดมดลูกทางช่องคลอด (Vaginal Hysterectomy)
การผ่าตัดมดลูกโดยวิธีที่แพทย์เข้าถึงมดลูกผ่านทางช่องคลอดนี้ เป็นการผ่าตัดที่ผู้ป่วยมักจะเลือกเป็นลำดับแรกๆ เนื่องจาก
- ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด แม้จะมีรอยเย็บด้านในเช่นเดียวกับการผ่าตัดวิธีอื่น แต่เนื่องจากไม่มีการเปิดหน้าท้อง จึงไม่มีแผลปรากฏให้เห็นบริเวณผิวหนังภายนอก
- ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าวิธีการอื่นๆ
- เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า
- มีโอกาสติดเชื้อบริเวณที่ผ่าตัดน้อยกว่า
- มีผลกระทบต่ออวัยวะข้างเคียงน้อยกว่า
ในอดีต การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดจะกระทำในกรณีที่มดลูกหย่อนเท่านั้น แต่ปัจจุบัน เทคนิค ทักษะของศัลยแพทย์ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้พัฒนาไปมาก การผ่าตัดมดลูกด้วยวิธีนี้จึงสามารถกระทำได้ในหลายข้อบ่งชี้ เช่น เนื้องอกมดลูก เลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก ผู้ป่วยที่ไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน รวมทั้งในผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดคลอดมาแล้ว
ทั้งนี้ การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดต้องกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะเท่านั้น
การผ่าตัดมดลูกผ่านหน้าท้องแบบปกติ (Abdominal Hysterectomy)
การผ่าตัดมดลูกผ่านหน้าท้องแบบปกติจะกระทำก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากต้องเปิดแผลกว้างถึง 15 เซนติเมตร แม้จะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยแต่ก็ต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้นนาน และมีโอกาสเกิดแผลเป็นสูง ดังนั้น ในโรงพยาบาลที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสภาวะของผู้ป่วยเอื้ออำนวย การผ่าตัดมดลูกโดยวิธีการอื่นๆ จะเป็นที่นิยมมากกว่า
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการผ่าตัดมดลูก
โดยปกติ การผ่าตัดมดลูกจะใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์อาจเลือกวางยาสลบ
หรือใช้ยาชาเฉพาะที่ระหว่างทำการผ่าตัด แพทย์อาจตัดมดลูกออกทั้งหมดหรือตัดออกเฉพาะบางส่วน
หรือบางกรณีก็มีการตัดท่อนำไข่ออกด้วย ภายหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยยังคงต้องใส่สายสวนปัสสาวะต่อไปประมาณ 1 ถึง 2 วัน
ส่วนระยะเวลาในการพักฟื้นนั้นมีตั้งแต่ 1 ถึง 3 วันโดยจะแตกต่างกันไปตามวิธีการผ่าตัดที่เลือกใช้
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
ในการผ่าตัด อาจเกิดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับยาสลบที่ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อความผิดปกติของหัวใจและระบบทางเดินหายใจ ส่วนความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ มีดังต่อไปนี้
- แผลติดเชื้อภายใน แผลปริขาด
- ภาวะเลือดออกมากหรือเกิดลิ่มเลือด
- ติดเชื้อ
- บาดเจ็บบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ และลำไส้
- เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ มีความต้องการทางเพศลดลง ถึงจุดสุดยอดยากขึ้น
- ท้องอืดชั่วคราวเนื่องจากลำไส้ไม่ทำงาน
นอกจากนี้ ภายหลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจมีอาการซึมเศร้า เนื่องจากความรู้สึกสูญเสีย แต่จะดีขึ้นภายในเวลาไม่นาน
ทั้งนี้ ผู้ป่วยสามารถลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดทั้งช่วงก่อนและหลังการผ่าตัด
ทางเลือกอื่นๆ ในการรักษา
สำหรับทางเลือกอื่นๆ ในการรักษาโรคโดยไม่ต้องทำการผ่าตัดมดลูกนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาเป็นสำคัญ โดยแพทย์อาจแนะนำทางเลือกให้แก่คุณ ดังนี้
- การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งอาจมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะเลือดออกผิดปกติ
- การขูดมดลูก สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาประจำเดือนมามากผิดปกติ
- การใช้ยาเพื่อลดการก่อตัวของเนื้อเยื่อในมดลูก
- การผ่าตัดเฉพาะเนื้องอกในมดลูก เป็นการผ่าตัดใหญ่ และโดยมากผู้ป่วยมักพบเนื้องอกซ้ำในระยะเวลา 5 ปี
- อาการปวดเรื้อรัง อาจดีขึ้นได้โดยการใช้ยาแก้ปวดลดการอักเสบ ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือกายภาพบำบัด
ความคาดหวังหลังการผ่าตัด
การผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกไปในผู้ที่ยังไม่หมดประจำเดือน ส่งผลให้ผู้ป่วยหมดประจำเดือนทันทีและขาดฮอร์โมนเพศหญิงร่วมด้วย ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับฮอร์โมนเสริมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
การบริการคลอดบุตร
การตัดสินใจเลือกสถานที่สำหรับให้ลูกน้อยลืมตามาดูโลกเป็นเรื่องที่สำคัญของคุณพ่อคุณแม่ คนไข้ที่มาฝากครรภ์ที่คลินิกสามารถนำเอกสารการฝากครรภ์ไปคลอดได้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่วางใจต้องการให้หมอเป็นผู้ดูแลตลอดการตั้งครรภ์และทำคลอดโรงพยาบาลเกาะสมุยเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิสัญญี กุมารแพทย์ อายุรแพทย์ที่พร้อมดูแลร่วมกัน มีห้องคลอดที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัย พร้อมทีมพยาบาลที่มีความชำนาญและได้รับการอบรมมาโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าการคลอดลูกน้อยจะสมบูรณ์และปลอดภัย และช่วงเวลาแห่งการคลอดเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดในชีวิต
ทางเลือกในการคลอด
คุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์ถึงทางเลือกในการคลอดและวิธีการดูแลขณะคลอด เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสม และช่วยให้คุณแม่คลายความกังวล สามารถเตรียมตัวเพื่อการคลอดได้อย่างมั่นใจ
ห้องคลอด โรงพยาบาลเกาะสมุย พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบริการต่อไปนี้
- การคลอดธรรมชาติ: เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์ว่าเป็นวิธีการคลอดที่ดีที่สุดในกรณีที่คุณแม่มีร่างกายแข็งแรงและลูกน้อยไม่มีความผิดปกติใดๆ เนื่องจากไม่ต้องเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน การติดเชื้อ และการคลอดผ่านทางช่องคลอดจะช่วยรีดน้ำคร่ำที่อยู่ในปอดของลูกออกมาจนหมด ทำให้ปอดขยายตัวได้ดี
- การคลอดธรรมชาติโดยฉีดยาที่ไขสันหลัง: เป็นวิธีการคลอดแบบธรรมชาติที่แพทย์จะฉีดยาเข้าไขสันหลังเพื่อลดความเจ็บปวดของอาการเจ็บท้องคลอด ซึ่งการฉีดยานี้จะทำให้คุณแม่รู้สึกชาตั้งแต่เอวลงมา แต่ยังรู้สึกตัวตลอดเวลา
- การผ่าตัดคลอด: เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถคลอดได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากลูกมีขนาดโตมากหรืออยู่ในท่าที่ผิดปกติ คุณแม่มีโรคประจำตัว หรืออื่นๆ ที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าการคลอดธรรมชาติอาจมีความเสี่ยงต่อคุณแม่และลูกน้อย อย่างไรก็ดี สำหรับคุณแม่ที่สามารถคลอดเองได้แต่ต้องการผ่าตัดคลอดก็ทำได้เช่นกัน แต่วิธีการผ่าตัดคลอดจะทำให้คุณแม่เสียเลือดมากกว่าและเจ็บแผลนานกว่าวิธีการคลอดแบบธรรมชาติ
ในช่วงเวลาการคลอด ทีมแพทย์ซึ่งประกอบด้วย สูติแพทย์ วิสัญญีแพทย์ รวมถึงพยาบาลวิชาชีพ จะให้การดูแลคุณแม่และลูกน้อยอย่างใกล้ชิด และทันทีที่ลูกน้อยถือกำเนิด แผนกบริบาลทารกแรกเกิด (nursery) จะเข้ามาดูแลสุขภาพลูกน้อยของคุณอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย แผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด (ICU) โดยทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพที่ได้รับการอบรมเฉพาะทางจะเข้ามาดูแล พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
การตรวจแปปสเมียร์
แปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดผ่านและถ่างช่องคลอด จากนั้นจะทำการป้ายเซลล์จากมดลูกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
ใครควรตรวจแปปสเมียร์
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ถึงเวลาที่ควรเริ่มตรวจแปปสเมียร์และความถี่ที่ต้องมารับการตรวจ สมาคมโรคมะเร็งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้แนะนำแนวทางการตรวจแปปสเมียร์ดังนี้
- สตรีทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป หรือ 3 ปีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ขึ้นกับว่าเวลาใดถึงก่อน ควรเริ่มทำการตรวจแปปสเมียร์ หลังจากนั้นทำการตรวจทุก 1-2 ปี
- สตรีที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจแปปสเมียร์ทุกปี หากผลตรวจเป็นปกติติดต่อกัน 3 ปี สามารถตรวจแปปสเมียร์ทุก 3 ปีได้ ยกเว้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก เช่น มีการติดเชื้อ HIV ติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) มีโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีมารดาที่ใช้ยา diethylstilbestrol ขณะตั้งครรภ์ ต้องทำการตรวจแปปสเมียร์ทุกปี
- สตรีที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป หากมีผลการตรวจเป็นปกติ 3 ปีติดต่อกัน ไม่มีผลการตรวจที่ผิดปกติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และไม่มีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก อาจยกเลิกการตรวจแปปสเมียร์ได้
การเตรียมตัวก่อนการตรวจแปปสเมียร์
- ควรนัดตรวจแปปสเมียร์ในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
- ห้ามสวนล้างช่องคลอดก่อนการตรวจ
- ห้ามใช้ยาเหน็บช่องคลอด ครีม หรือยาฆ่าเชื้ออสุจิในช่องคลอดก่อนการตรวจ 48 ชั่วโมง
- งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนการตรวจ 24 ชั่วโมง